วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การท่องเที่ยว

ท่องเที่ยว

    ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของดิฉัน ดิฉันชื่อ นางสาวแสงนภา ปานบ้านแพ้ว 

 ทำบล็อกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนี้เป็นบล็อกแรก


50 สุดยอด แหล่งท่องเที่ยวไทยในดวงใจ

50 สุดยอด แหล่งท่องเที่ยวไทยในดวงใจ





50 สุดยอด แหล่งท่องเที่ยวไทยในดวงใจ (อสท.)

ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่อง
นพดล กันบัว...รวบรวมภาพ

          หลายฉบับมาแล้วนะครับ ที่ทางกองบรรณาธิการอนุสาร อ.ส.ท. ได้เปิดให้คุณผู้อ่านทางบ้านลงคะแนนเสียง เฟ้นหาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยที่คิดว่าเป็นสุดยอดในดวงใจ เนื่องในโอกาสพิเศษที่อนุสาร อ.ส.ท. มีอายุ "กึ่งศตวรรษ" ครบรอบ 50 ปีเต็ม ในฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 นี้ ครบรอบ 5 ทศวรรษทั้งที จะโหวตแค่ 10 อันดับ เหมือนครั้งก่อนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีนิตยสารท่องเที่ยวที่เก่าแก่ที่สุด และมียอดขายสูงสุดตลอดกาลของประเทศอย่างอนุสาร อ.ส.ท. สักเท่าไหร่ครับ งานนี้ก็เลยเปิดให้โหวตกัน 50 อันดับ เท่ากับอายุของอนุสาร อ.ส.ท. พอดิบพอดีไปเลย โดยแบ่งออก 5 ประเภท ประเภทละ 10 แหล่ง

          แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณผู้อ่านทางบ้านส่งคะแนนเข้ามาโหวตกับอย่างล้มหลามเช่นเคย มาทีเป็นตั้ง ๆ อย่างกับไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลกเลยทีเดียว ก็อย่างที่รู้กันนั่นแหละครับ ทั่วประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายร้อยหลายพันแห่ง แต่ในที่สุดผลการลงคะแนนเสียงก็ออกมาจนได้ ลองมาดูกันสิครับว่า รายชื่อที่อยู่ใน 50 อันดับ ต่อไปนี้มีแหล่งท่องเที่ยวในดวงใจของคุณผู้อ่านขึ้นทำเนียบกันบ้างหรือเปล่า

แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถาน และประวัติศาสตร์

          ถือว่าเป็นม้ามืดเหมือนกันครับ จากที่ใครต่อใครคิดว่าน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเสียมากกว่า ที่มาแรง เอาเข้าจริงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถาน และประวัติศาสตร์ กลับแซงโค้งเข้าป้าย โดยเฉพาะอันดับ 1 ทิ้งคู่แข่งประเภทอื่นชนิดหายห่วงด้วยคะแนนสูงสุด


          อันดับ 1 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ "วัดพระแก้ว" กรุงเทพมหานคร

          พระอารามหลวงในบริเวณพระบรมมหาราชวังแห่งนี้  เป็นหนึ่งในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวแห่งแรกๆ ของประเทศ ที่เปิดเผยออกสู่สายตาของชาวโลกเมื่อแรกเริ่มมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นในประเทศไทยเมื่อ 50 ปีก่อน นอกจากความสำคัญในฐานะเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร "พระแก้วมรกต" สถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยที่สร้างเสริมสืบต่อกันมาและการตกแต่งประดับประดาอันอลังการ ก็เป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดใจ โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงคด เรื่องรามเกียรติ์อันวิจิตรตระการตาและมีความยาวที่สุดในโลก


          อันดับ 2 วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

          ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองบนยอดดอยสูง สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่ พ.ศ. 1916 ในสมัยพญากือนาแห่งอาณาจักรล้านนา ความสง่างามขององค์พระธาตุเจดีย์เหลี่ยมประดับด้วยแผ่นทองอร่ามตา รวมทั้งการตกแต่งประดับประดาด้วยศิลปกรรมล้านนาอันงดงาม ท่ามกลางม่านหมอกของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เหนือเทือกดอยสูง รวมทั้งสภาพอากาศอันเย็นสบาย ผสมผสานกันเป็นบรรยากาศอันขรึมขลังที่แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ อย่างเป็นเอกลักษณ์ สร้างความประทับใจกับผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับคะแนนนิยมอย่างล้นหลามตามอันดับ 1 มาติด ๆ


          อันดับ 3 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          อดีตราชธานีที่มีอายุยาวนานที่สุดของสยามประเทศ คือ 417 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2534 ร่องรอยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และงดงามที่หลงเหลือกระจัดกระจายอยู่สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองสืบเนื่องมาหลายยุคหลายสมัย แม้ในระยะหลังจะมีปัญหาความเสื่อมโทรมและการรุกล้ำพื้นที่ จนมีข่าวลือหนาหูว่าจะถูกเพิกถอนจากบัญชีมรดกโลก แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาจนคลี่คลายไปได้ด้วยดี ด้วยระยะทางที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ไม่ไกลเกินนักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไปจะสัมผัสได้ ทำให้ได้รับคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 3


          อันดับ 4 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

          องค์พระปรางค์สูงตระหง่านเสียดฟ้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดด้านงานสถาปัตยกรรมชั้นเยี่ยมแห่งหนึ่งของยุครัตนโกสินทร์ ด้วยความสูงทั้งสิ้น 33 วาเศษ จึงถือว่าเป็นพระปรางค์ที่สูงใหญ่ที่สุดในโลกด้วย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รอบองค์ปรางค์วิจิตรอลังการด้วย การตกแต่งประดับประดาด้วยถ้วยชามกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์อันเป็นที่รู้จักดีอย่างหนึ่งของประเทศไทยในสายตาชาวต่างประเทศ จึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) ซึ่งกลายมาเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในทุกวันนี้


          อันดับ 5 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

          เมืองโบราณที่มีร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ พัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ จนกระทั่งเป็นแว่นแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมระดับสูง ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2534 โดดเด่นด้วยโบราณสถานขนาดใหญ่จำนวนมากมายที่สร้างด้วยศิลาแลง ทั้งในส่วนของเมืองเชลียง อันเป็นเมืองในยุคเริ่มแรก และในส่วนของเมืองศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่เจริญขึ้นในยุคต่อมา โบราณสถานเหล่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเทือกทิวเขาและแมกไม้อันร่มรื่นปราศจากการรบกวนจากความเจริญสมัยใหม่ จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีบรรยากาศงดงามสมบูรณ์มากที่สุดของประเทศไทย


          อันดับ 6 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย

          เมืองโบราณที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเมืองศรีสัชนาลัยอย่างใกล้ชิด ในด้านวัติความเป็นมาขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2534 ในนามเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวารร่วมกับเมืองศรีสัชนาลัยและเมืองกำแพงเพชร เป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมอันงดงามอ่อนช้อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรมสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรไทย การวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้านศิลปกรรม พุทธประติมากรรมของสุโขทัยได้รับกรยอมรับกันว่าเป็นสุดยอดทางความงามของศิลปะไทย เมืองเก่าสุโขทัยมีโบราณสถานขนาดใหญ่ตระการตาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะพระพุทธรูปขนาดมหึมา แต่ในเรื่องของบรรยากาศความเป็นธรรมชาติอาจเป็นรองศรีสัชนาลัยอยู่เล็กน้อย เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมือง


          อันดับ 7 พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม

          ตามตำนานกล่าวว่าองค์พระธาตุเดิมสร้างมานานไม่น้อยกว่า 2,300 ปี โดยพระมหากัสสปะพร้อมพระอรหันต์ 500 องค์ ได้นำพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ พระธาตุพนมเคยล้มทลายลงทั้งองค์ใน พ.ศ. 2518 เนื่องจากความเก่าแก่และถูกพายุฝนกระหน่ำต่อเนื่องกันหลายวัน ชาวไทยทั้งประเทศได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2522 ในวันนี้พระธาตุพนมจึงยังคงตระหง่านงามอยู่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมไปถึงทางฝั่งลาวด้วย ในวันเพ็ญเดือน 3 ของทุกปี จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานสมโภชพระธาตุพรมจากทั่วทุกสารทิศ


          อันดับ 8 พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

          ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองนครปฐม พระเจดีย์องค์เดิมมีลักษณะทรงโอคว่ำ หรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า เจดีย์ใหญ่องค์นี้อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นแต่ครั้งพระสมณทูตของพระเจ้าอโศกมหาราชเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นและพระราชทานนามใหม่ว่า "พระปฐมเจดีย์" อันมีความหมายว่าเจดีย์แห่งแรก ปัจจุบันยังคงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะเป็นจำนวนมากทุกปี ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปกรรมชิ้นเยี่ยมสมัยทวารวดีเอาไว้มากที่สุดด้วย


          อันดับ 9 อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา

          เมืองโบราณในแบบแผนของสถาปัตยกรรมขอม ชื่อ "พิมาย" มาจากคำว่า "วิมาย" หรือ "วิมายปุระ" ที่ปรากฏในจารึกภาษาขอมบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท  จุดเด่นของเมืองคือปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากหลักฐานศิลาจารึกและรูปแบบทางศิลปะสร้างบ่งบอกว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนาพราหมณ์รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด ซึ่งปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ยังเป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุศิลปะขอมเอาไว้จำนวนมากและน่าสนใจที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย


          อันดับ 10 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี

          พระนครคีรี หรือเขาวัง เป็นพระราชวังแห่งเดียวของประเทศไทยที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งแต่เดิมมีชื่อเรียกว่า "เขาสมณะ" เนื่องจากมีวัดสมณะอารามเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่บนไหล่เขาด้านตะวันออก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ครั้งยังผนวชอยู่เคยเด็จมาปฏิบัติภาวนาบนยอดเขา หลังเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้น โดยยอดเขาทางทิศตะวันตกเป็นที่ประทับและเรือนบริวารยอดกลางเป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมเพชร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และบนยอดเขาด้านตะวันออกเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว อารามประจำพระราชวังพระนครคีรี พระราชทานนามว่า "พระราชวังพระนครคีรี" โดดเด่นด้วยความงดงามของสัดส่วนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมกับสภาพภูมิประเทศ


แหล่งท่องเที่ยวประเภทป่าเขา น้ำตก

           อันดับ 1 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

          สุดยอดเหนือใครในสยามประเทศด้านความสูงด้วยดอยอินทนนท์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2,565 เมตร จากระดับทะเลปานกลางท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อน อากาศหนาวเย็นตลอดปี แวดล้อมด้วยสภาพป่าแบบดึกดำบรรพ์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด และนกสวยงามนานาพันธุ์ ด้วยเป็นป่าต้นน้ำ จึงมีน้ำตกสวยงามขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น น้ำตกแม่ยะ น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกแม่กลาง ฯลฯ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งกองทัพอากาศสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบอีกด้วย


           อันดับ 2 อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย

          อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เหนือที่ราบกว้างใหญ่บนยอดภูสูง 1,200 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง งามตาด้วยทิวสนเรียงราย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชื่นชอบภูกระดึงเพราะความหลากหลายในด้านการท่องเที่ยวเนื่องจากมีหน้ามาจุดชมทิวทัศน์มากมายหลายจุด ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักคือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นและจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ทั้งยังมีน้ำตกขนาดกลางและขนาดเล็กที่สวยงาม เช่น น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกวังกวาง น้ำตกธารสวรรค์ ฯลฯ อีกทั้งสภาพป่าที่มีทั้งป่าสนเขา ป่าดินเขา ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีพรรณไม้แปลก ๆ สวยงาม ในยามดอกไม้ ป่าสะพรั่งบานเปรียบเสมือนกับอุทยานบนสรวงสวรรค์


           อันดับ 3 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี และสระบุรี

          อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2505 ได้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยขึ้นทะเบียนร่วมกับป่า 5 ผืนใหญ่ คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา อุทยานแห่งชาติทับลาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ถือว่าเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 2 ของไทย ต่อจากผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง เขาใหญ่เป็นแหล่งที่สามารถพบเห็นสัตว์ป่าน้อยใหญ่ นานาชนิด ทั้งยังมีน้ำตกใหญ่ที่สวยงาม เช่น น้ำตกเหวนรก น้ำตกเหวสุวัต น้ำตกผากล้วยไม้ และน้ำตกอื่น ๆ อีกมากมายกว่า 20 แห่ง รวมทั้งยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติอีก 13 เส้นทาง จึงเป็นขวัญใจของบรรดานักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมาตลอดทุกยุคทุกสมัย


           อันดับ 4 สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่

          สถานีวิจัยแหงแรกของโครงการหลวง จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการเปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นของชาวไทยภูเขามาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สามารถสร้างรายได้ วันนี้ดอยอ่างขางได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจให้เที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกเมืองหนาวกว่า 20 ชนิด พันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด และแปลงผักเมืองหนาวอีกกว่า 60 ชนิด รวมทั้งหมู่บ้านชาวไทยภูเขาหลายเผ่า คือ จีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง ทิวทัศน์ชายแดนไทย-พม่า อีกทั้งยังเป็นแหล่งดูนกสำคัญที่มีนกน่าสนใจหลายชนิด


           อันดับ 5 อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน

          เป็นผืนป่าต้นน้ำสำธารที่โดดเด่นด้วยป่าและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และทิวเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีจุดชมทิวทัศน์ที่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย คือ จุดชมวิวห้วย น้ำดัง อันเป็นสถานที่ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกยามเช้าได้อย่างชัดเจนงดงาม ท่ามกลางแสงสีทองของอรุณรุ่ง แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวนับพันมาพักแรมเพื่อรอชม นอกจากนี้ ยังมียอดดอยที่มีธรรมชาติงดงามอีกหลายแห่ง เช่น ดอยช้าง ดอยสามหมื่น รวมทั้งโป่งเดือดซึ่งเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติทางอุทยานฯ ได้จัดสร้างบ้านพักพร้อมบ่อสำหรับอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนครบวงจรพร้อมบริการ


           อันดับ 6 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่

          เหนือภูเขาสูงสลับซับซ้อนหลายลูก อันได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า  และดอยปุย เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารลำห้วย  เช่น ห้วยแก้ว ห้วยช่างเคี่ยน ห้วยแม่ปาน ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง และน้ำตกงามอีกหลายแห่ง ได้แก่ น้ำตกมณฑาธาร น้ำตกแม่สา เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก น้ำตกตาดหมอก-วังฮาง น้ำตกตาดหมอกฟ้า น้ำตกมหิดล น้ำตกศรีสังวาลย์ น้ำตกผาลาด และน้ำตกห้วยแก้ว ยังมีหน้าผาอันเป็นจุดชมทิวทัศน์หลายแห่ง โดยเฉพาะยอดดอยปุยซึ่งเป็นป่าสนเขา มองเห็นทัศนียภาพได้โดยรอบ ทั้งยังสามารถเยี่ยมเยือนหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น ม้ง เย้า อาข่า ลีซอ มูเซอ ได้สะดวก เพราะมีทางเดินไปถึงทุกหมู่บ้าน บนเส้นทางขึ้นสู่อุทยานฯ ยังมีจุดแวะน่าสนใจอย่างอนุสาวรีย์ครูบาศริวิชัย และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพรรณงดงามตระการตา


           อันดับ 7 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

          อุทยานฯ ที่มีพื้นที่มากที่สุดของประเทศไทย คือ 2,915 ตารางกิโลเมตร เป็นป่าดิบขึ้น ภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี สภาพภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่ามาก จึงมีชื่อเสียงในด้านการเป็นแหล่งดูนกที่มีนกให้ดูมากที่สุดแห่งหนึ่ง คือ 430 ชนิด จาก 900 กว่าชนิดที่มีในประเทศไทย ทั้งยังเป็นแหล่งดูผีเสื้อแห่งสำคัญ เพราะมีมากกว่า 150 ชนิด โดยมีจุดพักค้างแรมกางเต็นท์สำหรับผู้สนใจดูนกและผีเสื้อที่บ้านกร่างแคมป์ ในขณะเดียวกันยังมีจุดชมทะเลหมอกในตอนเช้าได้สวยงาม คือที่แคมป์พะเนินทุ่ง หรือ กม.30 อันเป็นจุดกางเต็นท์พักแรมของอุทยานฯ


           อันดับ 8 อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดเพชรบูรณ์

          แหล่งธรรมชาติที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สอดแทรกอยู่ แหล่งท่องเที่ยวจึงแบ่งออกเป็นด้านประวัติศาสตร์ ได้แก่ สถานที่ต่าง ๆ ที่อดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้เป็นฐานที่มั่น ซึ่งสถานที่เหล่านี้ได้รับการดูแลรักษาให้คงอยู่ในสภาพเดิม เช่น ผาชูธง โรงเรียนการเมือง การทหาร ในขณะที่ด้านธรรมชาติ ภูหินร่องกล้าก็ยังมีสภาพภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา ผิดจากเทือกเขาโดยทั่วไป ได้แก่ ลานหินแตก ลานหิน ปุ่ม ซึ่งเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก การสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ปกคุลมไปด้วยมอส ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ ชนิดต่าง ๆ ทั้งยังอุดมด้วยน้ำตกสวยอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกหมันแดง น้ำตกร่มเกล้าภราดร น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกแก่งลาด และน้ำตกตาดฟ้า


           อันดับ 9 อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง

          ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร โดดเด่นในความเป็นอุทยานแห่งชาติที่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ด้วยมีแอ่งอาบน้ำอุ่นที่เกิดจากน้ำร้อนในบ่อน้ำพุร้อนมาบรรจบกับน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อน ดำเนินงานตามแนวพระราชดำริในการใช้พลังงานน้ำธรรมชาติมาประยุกต์ อุทยานฯ ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตเองจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกแจ้ซ้อน ที่บนเส้นทางพบสัตว์หายากอย่างนกเขนเทาหางแดง ปลาปุง รวมทั้งพรรณไม้ต่าง ๆ สามารถศึกษาระบบนิเวศและสภาพภูมิศาสตร์โดยรอบลานน้ำพุร้อน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกแม่เปียก ศึกษาความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศและการนำทรัพยากรจากป่ามาใช้ประโยชน์


           อันดับ 10 อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่

          ดอยฟ้าห่มปก ดอยสูงอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูง ประมาณ 2,285  เมตร จากระดับทะเลปานกลาง  บนยอดดอยสูงสุดเป็นทุ่งโล่งอันเกิดจากสภาพธรณีวิทยาที่มีชั้นดินตื้น พื้นเป็นหินแกรนิตประกอบกับมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งปี จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ทะเลหมอกและถนนบนสันเขาขนาดกับชายแดนไทย-พม่า จุดเด่นอีกอย่างของอุทยานฯ แห่งนี้คือ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความร้อนใต้ดิน มีจำนวนมากมายหลายบ่อ ในพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ไอร้อนกรุ่นพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำประมาณ 40 - 88 องศาเซสเซียส บ่อหนึ่งทางอุทยานฯ เจาะใส่ท่อให้น้ำพุร้อนพุ่งขึ้นสูงถึง 40 - 50 เมตร พร้อมทั้งได้จัดบริการห้องอาบน้ำแร่ และอบไอน้ำ บ่อน้ำร้อนจะอยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานฯ นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นเขาผ่านป่าเบญจพรรณมาถึงบ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร อีกด้วย


แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เกาะ และหมู่เกาะ

           อันดับ 1 หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา

          คว้าความเป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวประเภทนี้ไปด้วยหาดทรายขาวละเอียดบริสุทธิ์ราวกับแป้งบนชายหาดของเกาะน้อยใหญ่ที่เรียงรายจากแนวเหนือไปใต้รวม 9 เกาะ อันเป็นที่มาของนาม "สิมิลัน" ซึ่งมีความหมายในภาษายาวีแปลว่า "เก้า" รวมทั้งผืนน้ำที่เป็นสีเขียวครามใส ใต้ผืนน้ำยังถือว่าเป็นสุดยอดของแหล่งดำน้ำ ทั้งดำน้ำตื้นแบบสนอร์เกิล และดำน้ำลึกแบบสกูบา เพราะอุดมด้วยปะการังแข็ง ปะการังอ่อน กัลปังหา และฝูงปลาน้อยใหญ่นานาชนิด บนเกาะแปดยังมีหินเรือใบ ประติมากรรมธรรมชาติในขณะที่เกาะสี่ยังคงสภาพป่าดิบอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของนกชาปีไหน ค้างคาวแม่ไก่ และปู่ไก่ ที่มีเสียงร้องคล้ายลูกไก่ และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด


           อันดับ 2 หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

          หมู่เกาะพีพีประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน ซึ่งแต่ละแห่งล้วนแล้วแต่มีทัศนียภาพน่าตื่นตาด้วยเทือกผาเขาหินปูนสูงใหญ่กับหาดทรายขาวสวย น้ำทะเลเขียวใส แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเลื่องชื่อในฐานะดินแดนแห่งบุปผาใต้สมุทรจากกิจกรรมท่องโลกใต้ทะเล ดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเลหลากสีสันสวยงาม และสรรพสัตว์น้อยใหญ่เป็นที่ดึงดูดนักดำน้ำจากทั่วโลกให้แวะเวียนมาเยือน


           อันดับ 3 เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี

          แหล่งมะพร้าวพันธุ์ดีที่สุดของไทยในอดีต ทว่าในวันนี้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักเกาะสมุยในฐานะ "สวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย" ด้วยหาดทรายขาวสวยขนานไปกับท้องทะเลครามและทิวมะพร้าวเรียงรายงดงามบนชายหาดรอบเกาะ แต่ละหาดมีบรรยากาศแตกต่างกันไปให้เลือกเที่ยวบนเกาะพรั่งพร้อมไปด้วยที่พักหลากสไตล์ ร้านอาหารหลายรสชาติบริการนำเที่ยว สถานบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่สร้างความหลงใหลให้กับผู้มาเยือน


           อันดับ 4 เกาะช้าง จังหวัดตราด

          เกาะใหญ่อันดับสองของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต ทะเลแถบนี้คือสมรภูมิประวัติศาสตร์ยุทธนาวีทางทะเลอันลือลั่นระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองเรือฝรั่งเศสผู้รุกราน ขณะเดียวกันก็เป็นเกาะสวรรค์แห่งทะเลตะวันออก ด้วยสภาพธรรมชาติป่าดิบเขาสมบูรณ์บนเกาะอันเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ทำให้มีน้ำตกสวยงามมากมายหลายแห่ง หาดทรายทอดตัวเป็นแนวยาวต่อเนื่องกัน อีกทั้งมีแนวปะการังสวยงามที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ พรั่งพร้อมด้วยรีสอร์ตหลากสไตล์ ร้านอาหาร สถานบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน


           อันดับ 5 เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง

          เกาะเสม็ด งดงามจนหลายต่อหลายคนคิดว่าเป็นเกาะแก้วพิสดารในวรรณคดี ด้วยหาดทรายที่ขาวสะอาดเนื้อละเอียดนวลเนียนเหมือนกับเกาะที่อยู่กลางท้องทะเลลึก ทั้งที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 6 กิโลเมตร เท่านั้น ผสมผสานกับทิวทัศน์ธรรมชาติรอบเกาะ ชายหาดกับเวิ้งอ่าวที่แหว่งเว้า และพืชพรรณนานาชนิดประดับประดาหลายแห่ง แหล่งปะการังสวยงามใกล้ชายฝั่ง เป็นอีกเกาะหนึ่งที่ครบถ้วนด้วยที่พัก ภัตตาคาร สถานบันเทิง และกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล ในระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไป


           อันดับ 6 หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

          5 เกาะงาม อันได้แก่ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี (สต็อร์ก หรือไฟแวบ) เกาะกลาง (ปาจุมบา หรือมังกร) และเกาะไข่ (ตอรินลา) โด่งดังเป็นที่รู้จักด้วยแหล่งดำน้ำตื้นแบบสนอร์เกิล ที่งดงามด้วยแนวปะการังแข็งอันอุดมไปด้วยสรรพชีวิต รวมทั้งแหล่งดำน้ำลึกที่มีอยู่รอบเกาะอีกหลายแห่ง คือ หินแพและหินกอง และทางทิศตะวันออกห่างจากเกาะประมาณ 14 กิโลเมตร มีกองหินริเชลิว ทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยของชุมชนมอแกน หรือชาวเล ชนเผ่าเร่ร่อนแห่งทะเลอันดามันที่ได้รับสมญานามว่า "ยิปซีแห่งท้องทะเล"


           อันดับ 7 หมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่

          เกาะน้อยใหญ่ 25 เกาะ กลางทะเลอันดามัน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มเกาะลันตา กลุ่มเกาะไหง กลุ่มเกาะห้า (ตุกนลิมา) และกลุ่มเกาะรอก โดยเกาะรอกคือผืนดินสุดท้าย ทางทิศตะวันตกอันถือเป็นหลักเขตประเทศไทย อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าชายหาด ป่าชายเลน แนวปะการังที่สมบูรณ์ รอบเกาะเต็มไปด้วยดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูน ทั้งยังเป็นแหล่งปูเสฉวนมากที่สุดในเมืองไทย แม้แต่ละเกาะจะสวยงามด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่สิ่งที่ทุกเกาะมีเหมือนกันคือทรายขาว เม็ดทรายละเอียดน้ำทะเลสวยใส และทิวทัศน์งดงามของชายหาด


           อันดับ 8 หมู่เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล

          แบ่งออกเป็นหมู่เกาะใหญ่ ๆ ได้ 2 หมู่เกาะ คือ หมู่เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะอาดัง-ราวี โดยเกาะตะรุเตา นั้นถือว่าเป็นเกาะแห่งประวัติศาสตร์  เนื่องจากครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็น "คุกกลางทะเล" ที่ใช้กักกันนักโทษทางการเมือง ยังมีร่องรอยหลงเหลือปรากฏให้พบเห็นอยู่ทั่วไป แทบไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันเกาะตะรุเตาและบรรดาเกาะน้อยใหญ่ในบริเวณข้างเคียงเหล่านี้กลับกลายเป็น "สรวงสวรรค์กลางทะเล" ของนักเดินทาง ด้วยน้ำทะเลใสเขียวครามหาดทรายงาม ธารน้ำ และผืนป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ที่ใครต่อใครพร้อมกายพร้อมใจอยากจะถูกกักขังอยู่ ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์เช่นนี้


           อันดับ 9 เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี

          เกาะใหญ่เป็นอันดับสองของจังหวัดสุราษฏร์ธานี รองจากเกาะสมุยบรรยากาศธรรมชาติอันเงียบสงบ ความเขียวขจีของพืชพรรณ ความร่มรื่นของทิวไม้ริมชายหาด รวมทั้งความขาวของหาดทรายและความใสของผืนน้ำทะเล สะท้อนภาพในอดีตของเกาะสมุย เสน่ห์ที่ชวนหลงใหลอีกอย่างหนึ่งของเกาะพะงันก็คือ เทศกาล "ฟูลมูนปาร์ตี้" การเฉลิมฉลองบนชายหาดริ้น ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันพระจันทร์เต็มดวง ขึ้น 15 ค่ำ ในงานนักท่องเที่ยวทั้งไยและต่างประเทศนับพันที่เนืองแน่นอยู่บนหาดพากันสนุกสนานกับเสียงเพลงเร้าใจและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดตลอดค่ำคืนยันเช้า


           อันดับ 10 เกาะกูด จังหวัดตราด

          เกาะขนาดใหญ่อันดับ 4 ของประเทศไทย และเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดตราด รองจากเกาะช้าง คือผืนแผ่นดินแห่งสุดท้ายในน่านน้ำทะเลตะวันออกของไทย ธรรมชาติบนเกาะซึ่งเป็นภูเขายังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยผืนป่า แน่นขนัดด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้วยทำเลที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ค่อนข้างมาก ตะกอนเดินจากบนฝั่งแผ่มาไม่ถึง ทำให้น้ำทะเลบริเวณเกาะกูดใสสะอาด รวมทั้งหาดทรายบนเกาะกูดเองและตามเกาะบริวารก็ขาวสวย สะอาดตา จนได้รับการเรียกขานว่า "อันดามันทะเลตะวันออก"


แหล่งท่องเที่ยวประเภทกิจกรรม งานวัฒนธรรม ประเพณี

           อันดับ 1 งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี

          งานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 และแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาของทุกปี เริ่มมีการทำต้นเทียนประกวดกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2470 จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2520 จังหวัดอุบลราชธานีได้รับการส่งเสริมจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในงานมีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์และแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่าง ๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียนจะเคลื่อนขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนารามมาตามถนน จนมาสิ้นสุดที่ทุ่งศรีเมือง มีการแสดงสมโภชต้นเทียนครึกครื้นสว่างไสวไปทั่วทั้งงาน


           อันดับ 2 งานประเพณีปอยส่างลอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

          ปอยส่างลองคือประเพณีบรรพชาสามเณรตามแบบไทยใหญ่ ที่เชื่อกันว่าได้กุศลมากกว่าอุปสมบทพระภิกษุงานมี 3 วัน โดยในวันแรก เด็กชายที่เข้าพิธีเรียกว่า "ส่างลอง" จะโกนผม แต่ไม่โกนคิ้ว ผัดหน้าทาปาก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม โพกหัวประดับประดาดอกไม้ ไปขอขมารับพรจากญาติผู้ใหญ่วันที่สอง จะแห่ส่างลองขี่ม้าหรือขี่คอพี่เลี้ยงพ้อมเครื่องไทยทานไปตามถนนแล้วในวันที่สาม จึงแห่ส่างลองไปยังวัด เพื่อทำพิธีบวชต่อไป แต่เติมงานนี้จัดกัน เฉพาะหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย กระทั่งในปี พ.ศ. 2525 ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนได้จัดให้มีบรรพชาหมู่ 200 รูป เนื่องในงานฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กลายเป็นงานใหญ่ที่นักท่องเที่ยวสนใจ นับแต่นั้นจึงจัดเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จนถือเป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองแม่ฮ่องสอน


           อันดับ 3 งานเทศกาลสงกรานต์ จังหวัดเชียงใหม่

          สงกรานต์เมืองเชียงใหม่ขึ้นชื่อในความยิ่งใหญ่ งดงามด้วยขบวนแห่แหน ซึ่งวัดต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่จะอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด จัดเป็นขบวนยาวเหยียด เช่น ขบวนพระสิงห์ ขบวนพระแก้วขาว เป็นต้น พระพุทธรูปแต่ละองค์เก่าแก่อายุ 700 – 1,000 ปี ผ่านกลางเมืองมาให้คนได้ทำพิธีสรงน้ำพระด้วยน้ำหอม นอกจากนั้นยังมีทำเลสะดวกในการเล่นน้ำ เพราะมีคูน้ำล้อมรอบเมืองเก่าเป็นแหล่งน้ำให้สาดน้ำกันได้เต็มที่ จึงไม่น่าแปลกใจที่สงกรานต์เชียงใหม่ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวแน่นชนิดไปทั้งเมืองตลอดช่วงวันหยุดยาวเลยทีเดียว


           อันดับ 4 งานประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร

          เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบุญเดือนหก เป็นงานบุญที่จัดประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะลงมือทำนา  ที่จังหวัดยโสธรจะจัดงานบุญบั้งไฟในวันสุดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ในวันศุกร์เป็นวันที่คณะบั้งไฟทั้งหลายแห่ขบวนเซิ้งเพื่อขอรับบริจาคเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งของจำเป็นสำหรับทำบุญ ส่วนวันเสาร์จะเป็นวันแห่ขบวนฟ้อนรำ เพื่อการแข่งขัน เน้นความสวยงามของท่าฟ้อนในจังหวะต่าง ๆ ตลอดทั้งการตกแต่งบั้งไฟและการจัดขบวนที่สวยงาม ท้ายสุดในวันอาทิตย์จะเป็นวันจุดบั้งไฟ แข่งขันความสูงของบั้งไฟที่ขึ้นไปบนฟ้า บั้งไฟที่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้สูงและนานจะชนะการแข่งขัน เป็นงานเทศกาลประเพณีที่ครึกครื้นและสนุกสนาน


            อันดับ 5 งานประเพณีแห่ผีตาโขน จังหวัดเลย

          งานบุญหลวงอันมีเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักกันดี คือการละเล่นผีตาโขน งานประเพณีที่มีการจัดกันมาหลังจากการก่อสร้างพระธาตุศรีสองรักไม่นาน ถือเป็นหนึ่งในฮิตสิบสองคองสิบสี่ของภาคอีสาน การแห่ผีตาโขนเป็นประเพณีจำลองเหตุการณ์ในชาดกเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีเดินทางกลับออกจากป่าเข้าสู่เมือง บรรดาผีป่าหลายคนและสัตว์ นานาชนิดอาลัยรัก จึงพากันแห่แหนมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า "ผีตามคน" ก่อนเพี้ยนมาเป็น "ผีตาโขน" อย่างในปัจจุบัน ผีตาโขนในขบวนแห่จะแยกเป็น 2 ประเภท คือ ผีตาโขนใหญ่ เป็นหุ่นรูปผีทำจากไม้ไผ่สาน สูงใหญ่กว่าคนธรรมดา 2 เท่า มีเพียง 2 ตัว คือ ผีตาโขนชาย 1 ตัว และหญิง 1 ตัว ส่วนผีตาโขนเล็กใช้วิธีประดับตกแต่งรูปร่างหน้าตาให้เป็นผีด้วยเศษวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น


             อันดับ 6 งานแสดงช้าสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

          งานแสดงช้างครั้งแรกจัดขึ้นที่สนามบินเก่า อำเภอท่าตูม อันเป็นที่ตั้งโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ในปัจจุบัน เพื่อเฉลิมฉลองที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ ในงานมีการแสดงขบวนแห่ช้าง การแข่งขันช้างวิ่งเร็ว การคล้องช้าง โดยออกข่าวแพร่ภาพทั้งทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทำให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศสนใจกันเป็นอย่างมาก ในปีต่อมา อ.ส.ท. (ททท.) จึงได้เข้ามาให้การสนับสนุน โดยร่วมกำเนิดรูปแบบของการแสดง และนำนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาร่วมชมการแสดงในปี พ.ศ. 2505 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้การจัดงานข้างเป็นงานประจำปีของชาติ และเนื่องจากการจัดงานที่อำเภอท่าตูมไม่สะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว จึงได้ย้ายสถานที่จัดงานมาจัดงานที่สนามกีฬาจังหวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน


           อันดับ 7 งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร

          งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ต้นกำเนิดมาจากคติความเชื่อในสมัยโบราณ  คือการทำทานที่อยู่อาศัยและการถวายรวงผึ้งแด่พระพุทธเจ้าของพญาวานรในพุทธประวัติ ความเชื่อทั้งสองเรื่องเป็นที่มาของประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง โดยในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ให้เป็นวันโฮม หรือวันรวมปราสาทผึ้งจากคุ้มต่าง ๆ ที่บริเวณวัด พร้อมกับมีการจัดงานรื่นเริง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง ปัจจุบันการทำปราสาทผึ้งและขบวนแห่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ทั้งรูปทรงของตัวปราสาทผึ้งและลวดลายประดับประดาได้เพิ่มความวิจิตรพิสดารขึ้น ขบวนแห่ที่เคยใช้เกวียนก็กลายเป็นรถยนต์ สถานที่รวมขบวนก็เปลี่ยนจากบริเวณวัดมาอยู่ที่สนามมิ่งเมือง แต่ละปีจะมีขบวนแห่ยาวเป็นสิบกิโลเมตร ในขบวนยังมีการแสดงเกี่ยวกับประเพณีโบราณและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน


           อันดับ 8 กิจกรรมล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี

          กิจกรรมล่องแก่งหินเพิงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในแก่งหินเพิงซึ่งถือกำเนิดเกิดจากลำน้ำใส่ใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สิ้นสุดที่ปลายน้ำ ณ ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดยนักท่องเที่ยวต้องลงเรือยางซึ่งนั่งได้ลำละประมาณ 8 - 10 คน ผ่านแก่งต่าง ๆ ที่มีระดับความยากง่ายของสายน้ำอยู่ที่ระดับ 3 - 5 ใช้ฝีมือและทักษะในการพาย รวมทั้งร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพายอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อให้รอดพ้นจากการปะทะกับแก่งหินและไม่ให้เรือพลิกคว่ำ สนุกสนานกับลำธารใสที่สามารถแวะพักเหนื่อยเล่นน้ำกันได้ในบางจุดที่มีกระแสน้ำเบา โดยแก่งทั้ง 6 แก่ง ได้แก่ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า และจะถึงจุดหมายปลายทางที่ท่าเรือบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขญ. 9


           อันดับ 9 งานเทศกาลกินเจ จังหวัดภูเก็ต 

          ประเพณีกินเจชาวภูเก็ต เรียกว่างานกินผัก หรือเจี๊ยะฉ่าย จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของจีน ซึ่งตรงกับเดือน 10 ของไทย เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวภูเก็ตซึ่งได้รับอิทธิพลจากจีน เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ผู้ร่วมพิธีจะสวมชุดขาว งดการบริโภคเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุนด้วย เริ่มมีขึ้นครั้งแรกที่อำเภอกะทู้ในปี พ.ศ. 2368 เมื่อพระยาถลาง (เจิม) ย้ายเมืองถลางมาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ดีบุก แต่เป็นป่าทึบ มีไข้ป่าชุกชุม ชาวเมืองล้มป่วยกันมาก คณะงิ้วที่มาแสดงอยู่ใต้ประกอบพิธีกินเจขึ้นเพื่อบวงสรวงเทพเจ้า "กิ๋วอ๋องไต่เต" และ "ยกอ๋องซ่งเต" ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บได้หมดไป ชาวเมืองเกิดศรัทธาจึงประกอบพิธีกินเจในเดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืนทุกปี ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสีสันของงานที่นักท่องเที่ยวสนใจเป็นพิเศษคือการแสดงอิทธิฤทธิ์ของบรรดาม้าทรงเทพเจ้า ซึ่งมีทั้งลุยไฟ ทั้งใช้ของแหลมทิ่มแทงร่างกายโดยไม่เจ็บปวด


           อันดับ 10 กิจกรรมพายคายักล่องทะเล ป่าชายเลน

          กิจกรรมพายคายักเป็นรูปแบบหนึ่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงที่จังหวัดกระบี่  เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะได้สนุกสนานกับการล่องเรือไปท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าโกงกางซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์หลายชนิด เช่น นก ลิงแสม และเป็นแหล่มอนุบาลตัวอ่อนของพันธุ์สัตว์น้ำนานาพันธุ์ เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันน่าตื่นตาของเทือกเขาหินปูนทั้งสองฟากฝั่ง ก่อนออกสู่ทะเลกว้างโต้คลื่นลมเป็นการเดินทางด้วยพละกำลังจากสองแรงแขนของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบข้างอย่างแท้จริง


แหล่งท่องเที่ยวประเภทชุมชนวิถีชีวิต

           อันดับ 1 ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 

          ตลาดน้ำอัมพวา มาแรงคว้าตำแหน่งสุดยอดในประเภทนี้ไปด้วย เหตุที่ผู้คนหันมาสนใจการเดินทางท่องเที่ยวในแนวหวนรำลึกถึงความหลังอดีตชุมชนริมน้ำอัมพวาที่รักษาสภาพดั้งเดิมของอาคารบ้านเรือนริมน้ำเอาไว้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ จึงได้รับการฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่ โดยซูจุดขายความเป็นตลาดน้ำยามเย็น ที่ร้านรวงสองฟากฝั่งคลองครบครันด้วยข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน ตลอดจนขนมนมเนยย้อนยุคย้อนสมัย รวมถึงที่พักในบรรยากาศตลาดเก่าชายน้ำ ให้ใครต่อใครได้มาตามหาความทรงจำดี ๆ ในวันวาน ที่ต่างหลงลืมไปในห้วงเวลา


           อันดับ 2 อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

          เมืองเล็กในโอบล้อมของขุนเขาสลับซับซ้อน ท้องทุ่งนาเขียวขจี และสายน้ำปายที่ไหลรี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีดีที่อากาศเย็นสบาย ความเงียบสงบศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่  แถมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเล็ก ๆ อย่างน้ำตกหมอแปง ปายแคนยอน คือความเรียบง่ายอันเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ดั้นต้นข้ามผ่านหนทางลดเลี้ยวนับร้อยโค้ง เพียงเพื่อมาใช้เวลาซึมซับกับธรรมชาติและบรรยากาศอันเนิบช้าที่หาไม่ได้ในเมืองอันศิวิไลซ์


           อันดับ 3 ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 

          ภาพของตลาดลอยน้ำอันคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าในเครื่องแต่งกายแบบชาวสวน พายเรือน้อยใหญ่บรรทุกสินค้าผลิตผลจากสวนจากไร่มาซื้อชายแลกเปลี่ยนกัน เผยแพร่สู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 กลายเป็นภาพประทับใจในอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทย มาถึงยุคที่เส้นทางการคมนาคมทางบกสะดวกสบายอย่างในวันนี้ ซึ่งบรรยากาศอันครึกครื้นของการค้าขายทางน้ำในตลาดน้ำดำเนินสะดวกกลายเป็นสิ่งหาดูยาก ทำให้นักท่องเที่ยวไทยรุ่นใหม่ต่างโหยหาและประทับใจ


           อันดับ 4 สถานตากอากาศหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

          เมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล เมื่อมีการสร้างทางรถไฟสายใต้เสร็จใหม่ ๆ หัวหินรุ่งเรืองเฟื่องฟูในฐานะเมืองพักผ่อนชายทะเลระดับแนวหน้าของชนชั้นสูงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง  ก่อนจะซบเซาเสื่อมโทรมลงไปเมื่อแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศทางภาคตะวันออกได้รับความนิยมแทนที่ ทว่าความรุ่งเรืองของสถานตากอากาศหัวหินนั้นไม่มีวันตาย ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ในวันนี้ชีวิตชีวาในรูปแบบสถานตากอากาศของหัวหินจึงหวนคืนกลับมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ มีดีไซน์และรีสอร์ตหรูหราหลากหลายรูปแบบ


           อันดับ 5 ชุมชนชาวไทยภูเขา ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย

          ชุมชนชาวจีนเฮ่อแห่งกองพล 93 ที่ตั้งหลักแหล่งบนดอยแม่สลองมาเนิ่นนาน โดยเมื่อกว่า 40 ปีก่อน นายพลต้วน  ผู้นำแห่งกองพัน 5 ได้เปลี่ยนกองทหารพลัดถิ่นให้เป็นชาวดอย ทำมาหากินด้วยการปลูกชาจีน ปัจจุบันมีชื่อว่าหมู่บ้านสัติคิรี ตั้งอยู่ที่ความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง อากาศเย็นสบายตลอดปี บนถนนที่ตัดขึ้นดอยช่วงสุดท้ายก่อนถึงยอดดอยระยะทาง 4 กิโลเมตร เมื่อถึงฤดูหนาวต้นซากุระข้างทางจะออกดอกสีชมพูสะพรั่งเป็นแนวสวยงาม เรียกกันว่าถนนสายซากุระ ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่สำคัญ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคิรีบนยอดเขา สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่สมเด็จย่า และสุสานนายพลต้วน


           อันดับ 6 ชุมชนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 

          ชุมชนชาวมอญในอดีตที่อพยพจากเมืองซึ่งเคยเป็นอาณาจักรมอญในประเทศพม่า ทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นอาชีพสืบเนื่องกันมา บนเกาะจึงเต็มไปด้วยศิปลวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตของชาวไทยเชื้อสายมอญ รวมทั้งวัดวาอารามเก่าแก่ เช่น วัดปรมัยยิกาวาส วัดเสาธงทอง วัดฉิมพลี วัดไผ่ล้อม วัดป่าเลไลยก์ ในวันหยุดสุดสัปดาห์นักท่องเที่ยวมักจะแวะเวียนมาสนุกสนานกับการนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะ ดูทิวทัศน์บ้านเรือน และวิถีชีวิตครึ่งเมืองครึ่งชนบทของชาวเกาะเกร็ด เลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผา และเพลิดเพลินกับการชิมอาหารตามแบบฉบับชาวไทยเชื้อสายมอญ


           อันดับ 7 ถนนคนเดิน ถนนวัวลายและประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ 

          กิจกรรมถนนคนเดินจัดขึ้นตามแนวคิดในการพัฒนาเมืองและการกำหนดใช้พื้นที่เมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน ที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประตูท่าแพ ในปี พ.ศ. 2545 ปัจจุบันมีถนนคนเดินทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลา 16.00 – 23.00 น. โดยวันเสาร์จัดที่ถนนวัวลาย ปิดถนนทั้งสาย ความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ให้เป็นตลาดนัดซื้อขายสินค้าของที่ระลึก ซึ่งเน้นไปที่เครื่องเงิน รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรมล้านนา และหลากหลายอาหารพื้นบ้านเมืองเหนือ ส่วนวันอาทิตย์จัดที่ประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ ปิดถนนตั้งแต่แยกอุปคุตถึงประตูท่าแพ ความยาวประมาณ 950 เมตร สินค้าที่จำหน่ายมีหลากหลาย ทั้งของตกแต่งบ้าน ของพื้นเมือง ของที่ระลึก ของเล่นจัดเป็นชีวิตชีวาที่เป็นสีสันของเมืองเชียงใหม่


           อันดับ 8 อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

          เมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" จุดที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ทิวทัศน์สวยงามตามธรรมชาติ และมีชาวมอญอาศัยอยู่มาก ในปี พ.ศ. 2527 หลังก่อสร้างเชื่อนวซิราลงกรณ ทำให้น้ำท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่าทั้งหมด จึงได้ย้ายเมืองมาอยู่บนเนินเขา ทว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมอญที่ผูกพันเหนียวแน่นอยู่กับพุทธศาสนายังคงอยู่ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือสะพานมอญ หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ 850 เมตร ยาวที่สุดในประเทศไทย ข้ามลำน้ำซองกาเลีย เป็นจุดที่จะเห็นวิถีชีวิตชาวมอญที่สัญจรไปมา และทิวทัศน์ทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณที่สวยงาม อีกแห่งคือเมืองบาดาล เมืองสังขละบุรีเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำและจะโผล่ขึ้นมาในยามน้ำลด เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand


           อันดับ 9 เมืองเชียงคาน จังหวัดเลย 

          ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาได้เนิ่นนานร่วมศตวรรษ เพิ่งจัดงานฉลอง "100 ปี เชียงคาน เมืองโบราณริมฝั่งโขง" ไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมานี้ ด้วยบรรยากาศเงียบสงบแบบเมืองชายแดน ห้องแถวเรือนไม้เก่าคร่ำคร่า ร้านกาแฟกับมุมหนังสือเล็ก ๆ รวมทั้งผู้คนที่เป็นมิตร ยิ้มแย้ม เปี่ยมด้วยอัธยาศัย ดึงดูดนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ให้มาเยือนหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดหายไปในสังคมเมืองสมัยใหม่


           อันดับ 10 ชุมชนแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

          อำเภอเล็ก ๆ ในอ้อมกอดของหุบเขาแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นเสมือนเมืองลับแล เนื่องจากถนนหนทางทุรกันดารคดเคี้ยวตามทางภูเขา ทำให้การเดินทางมาแม่แจ่มค่อนข้างลำบาก แต่นั่นก็ทำให้ธรรมชิตที่อุดมสมบูรณ์สองฟากฝั่งสายน้ำแม่แจ่มที่หล่อเลี้ยงผู้คน วัดวาอารามเก่าแก่อันทรงคุณค่า ตลอดจนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายตามแนวทางพระพุทธศาสนา และผู้คนที่เปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรี มีรอยยิ้ม อบอุ่นด้วยน้ำใจ ยังคงสภาพเดิมอยู่เหนือกาลเวลา กลายเป็นดินแดนในฝันอันเป็นจุดหมายของนักเดินทาง ที่แสวงหาเมืองอันสงบสุขเรียบง่ายไร้การปรุงแต่ง



 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ISSN 0125 7226 ปีที่ 50 ฉบับที่ 1 สิงหาคม 2553